วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทดสอบปลายภาค

1.                 แท็บเล็ตเพื่อการศึกษา          
"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมัน เอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001
ในยุคที่เทคโนโลยีสารสนเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมใหม่อย่าง "แท็บเล็ต" (Teblet) กำลังได้รับความสนใจอย่างแพร่หลายมากขึ้น  แท็บเล็ต เป็นเครื่องมือยกระดับคุณภาพและกระจายโอกาสทางการศึกษา ทำให้แท็บเล็ตได้ก้าวเข้ามาเป็นเครื่องมือที่สำคัญ ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการศึกษาไทย
ความเหมาะสมของการแจกแท็บเล็ต 
การแจกแท็บเล็ต  ส่วนใหญ่ควรนำไปแจกเด็กที่มีวุฒิภาวะและเป็นวัยที่กระตือรือร้น  ในการฝึกทักษะเสาะแสวงหาข้อมูลต่างๆ ไม่ใช่นำแท็บเล็ตมาแจกเด็ก ป.1 ซึ่งเป็นวัยที่ยังอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้  ฉะนั้นเด็กจะไปเสาะแสวงหาข้อมูลไม่ได้  
ข้อดีของแท็บเล็ต
ข้อดีของแท็บเล็ตที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้นั้น สามารถสนองต่อความต้องการทางการเรียนรู้รายบุคคล สามารถติดตามช่วยเหลือให้ผู้เรียนบรรลุผลการเรียนรู้ได้ เป็นสื่อที่ทำให้เกิดการสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างมีความหมาย ซึ่งการเรียนรู้บางครั้งต้องอาศัย "การจำลองสถานการณ์" หรือ "การทดลองเสมือนจริง" ต่างๆ เพื่อการเรียนรู้และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
ข้อเสียของแท็บเล็ต
การแจกแท็บเล็ตนั้น ถือว่าไม่ได้คำนึงถึงความรอบด้านของตัวเด็กและไม่ได้คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต  เมื่อเด็กอยู่กับเทคโนโลยีมากๆ สังคมรอบตัวเด็กจะอ่อนแอลง  ทั้งสังคมที่เป็นธรรมชาติ   ความสัมพันธ์ของมนุษย์จะหายไปจากตัวเด็ก แต่กลับกันสังคมจะมีเด็กที่อ่อนแอมากขึ้น และเกรงว่าเด็กจะมีพฤติกรรมที่แฝงไปด้วยความรุนแรง การแข่งขันและความเห็นแก่ตัวเพิ่มขึ้น   และเด็กจะนำแท็บเล็ตไปใช้ผิดประเภท เช่น   เล่มเกม  ดูเว็บโป๊  ขณะที่ปัจจุบันเด็กส่วนใหญ่ จะอยู่กับอินเตอร์เน็ต เฉลี่ยวันละ 5-6 ชั่วโมง ซึ่งเสี่ยงต่อการเด็กหมกมุ่นใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ไม่เหมาะสมของเด็ก 
              ผู้เขียน
รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
นายภาวิช ทองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค พท.ตัวแทนเจ้าขอนโยบาย
สิรีนาฏ ทาบึงกาฬ จากสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)
2.               ประเทศไทยกับสมาคมอาเซียน
  ตลอดระยะเวลา 40 กว่าปีที่ผ่านมาไทยได้ประโยชน์หลายประการจากอาเซียน ทั้งในแง่การเสริมสร้างความมั่นคงซึ่งช่วยเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยในปัจจุบันอาเซียนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 1.75 ล้านล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 19.2 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย ในจำนวนนี้ เป็นการส่งออกจากไทยไปอาเซียนร้อยละ 20.7 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด โดยไทยเป็นฝ่ายได้ดุลมาตลอด
          การรวมตัวกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นทางด้านเศรษฐกิจ  ประกอบกับการขยายความร่วมมือเพื่อเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน เช่น เส้นทางคมนาคม ระบบไฟฟ้า โครงข่ายอินเตอร์เน็ต ฯลฯ ยังช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและการลงทุนให้กับไทย โดยขยายตลาดให้กับสินค้าไทยจากประชาชนไทย 60 ล้านคนเป็นประชาชนอาเซียนเกือบ 600 ล้านคน และเป็นแหล่งเงินทุนและเป้าหมายการลงทุนของไทย ซึ่งไทยจะได้เปรียบประเทศสมาชิกอื่นเพราะมีที่ตั้งอยู่ใจกลางอาเซียน สามารถเป็นศูนย์กลางทางการคมนาคมและขนส่งในภูมิภาค
          ในอนาคต คนไทยจะได้รับประโยชน์จากการรวมตัวเป็นประชาคมของอาเซียนมากน้อยเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับการเตรียมความพร้อมของเรา ดังนั้น การสร้างความตื่นตัวและให้ความรู้กับประชาชน จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้ตระหนักถึงโอกาสและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันซึ่งจะช่วยให้คนไทยได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบในทางลบแก่ภาคส่วนต่าง ๆ
ผลกระทบในทางบวกต่อประเทศไทย
                1. จะมีตลาดสินค้าและบริการที่ใหญ่ขึ้น นักธุรกิจไทยจะมีตลาดการค้าที่ใหญ่ขึ้น เพราะมีประชากรเพิ่มขึ้นเป็น 580 ล้านคน เพราะทั้ง 10 ประเทศนี้ต่างก็มีจำนวนมหาศาลพอสมควร   นับว่าจะการเพิ่มโอกาสทางการค้าเนื่องจากมีขนาดตลาดที่ใหญ่โตขึ้น และจะเอื้อให้การผลิตในลักษณะที่ผลิตมากขึ้นต้นทุนต่ำลงย่อมมีโอกาสมากขึ้นด้วย
                2. ประเทศไทยจะได้อานิสงส์ ในการที่จะกลายมาเป็นเป้าหมายในการดึงดูดการลงทุน เงินลงทุน จากต่างประเทศได้มากขึ้นเพราะต่อไปนี้การขยายการลงทุนจากต่างประเทศมาไทยจะกระทำได้ง่ายขึ้น หากเป็นไปตามข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้ และประเทศไทยได้เปรียบประเทศอื่นๆ หลายประการโดยเฉพาะทัศนคติของคนไทยที่มีต่อนักลงทุนชาวต่างชาตินั้นดีมาก
3. การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนสามารถทำให้ประเทศไทยมีอำนาจในการเจรจาต่อรองต่อเวทีโลกได้มากขึ้น เพราะต่อไปนี้จะมีฐานประชาคมอาเซียนสนับสนุนอยู่  ซึ่งสามารถทำให้ประเทศคู่ค้าต้องรับฟังมากขึ้น
                4. การเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะทำให้นักธุรกิจไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจและการค้ามีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องให้ดีขึ้นจากเดิม เพื่อการรองรับการแข่งขัน และสามารถนำมาซึ่งเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่พร้อมจะออกไปเพื่อการแข่งขัน
5. จะมีผลต่อการจ้างแรงงานเพราะสามารถเข้าโรงงานอุตสาหกรรมที่ให้ค่าจ้างแรงงานที่สูงกว่าเดิม รวมทั้งการออกไปหารายได้เพิ่มขึ้นจากค่าแรงงานในกลุ่มประเทศอาเซียน 
6. เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ก็เท่ากับว่าต่อไปนี้จะมีการปรับปรุงแรงงานฝีมือในสาขาวิชาชีพต่างๆ (7 วิชาชีพ) ให้เท่าเทียมนานาประเทศ สาขาวิชาชีพเหล่านี้ ได้แก่ วิศวกร แพทย์ พยาบาล นักบัญชี นักสำรวจ ทันตแพทย์ และผู้ประกอบวิชาชีพ สถาปนิก เพราะสาขาวิชาชีพเหล่านี้เป็นสาขาวิชาชีพหน้าด่านของไทยที่มีความพร้อมสูง
7. ประเทศไทยสามารถอาศัยความร่วมมือช่วยเหลือกันในภาคเศรษฐกิจหรือAECนี้  เข้าไปเสริมสร้างความสัมพันธ์ในด้านการเมือง การปกครองการป้องกันประเทศให้ดีขึ้น เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและลดข้อขัดแย้งต่างๆ กับประเทศเพื่อนบ้านของไทย
ผลกระทบในทางลบต่อประเทศไทย
1.                เรื่องภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากจะมีคนอาเซียน เข้ามาอยู่ในไทยมากมายไปหมด และมักจะพูดภาษาไทยไม่ค่อย
2.                ด่านศุลกากรชายแดนอาจมีบทบาทน้อยลงมาก แต่จะมีปัญหาเรื่องยาเสพติด และปัญหาสังคมตามมาด้วย
3.                จะมี ชาวพม่า, ลาว, กัมพูชา เข้ามาทำงานในไทยมากขึ้น แต่คนเหล่านี้ก็จะมาแย่งงานคนไทยบางส่วนด้วยเช่นกัน  และยังมีปัญหาสังคม, อาชญากรรม จะเพิ่มขึ้นอีกด้วย อันนี้รัฐบาลควรระวัง
4.                คนไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ บางส่วนจะสมองไหลไปทำงานเมืองนอก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมซอร์ฟแวร์ เพราะชาวไทยเก่ง แต่ปัจจุบันได้ค่าแรงถูกมาก อันนี้สมองจะไหลไปสิงคโปร์เยอะมาก
5.                 สาธารณูปโภคในประเทศไทย หากเตรียมพร้อมไม่ดีอาจขาดแคลนได้เช่น ชาวพม่า มาคลอดลูกในไทย ก็ต้องใช้โรงพยาบาลในไทยเป็นต้น
6.                กรุงเทพฯ จะแออัดอย่างหนัก เนื่องจากมีตำแหน่งเป็นตรงกลางของอาเซียนและเป็นเมืองหลวงของไทย โดยเมืองหลวงอาจมีสำนักงานของต่างชาติมาตั้งมากขึ้น รถจะติดอย่างมาก สนามบินสุวรรณภูมิจะแออัดมากขึ้น
7.                 ปัญหาสังคมจะรุนแรงถ้าไม่ได้รับการวางแผนที่ดี เนื่องจาก จะมีขยะจำนวนมากมากขึ้น, ปัญหาการแบ่งชนชั้น ถ้าคนไทยทำงานกับคนต่างชาติที่ด้อยกว่า อาจมีการแบ่งชนชั้นกันได้ จะมีชุมชนสลัมเกิดขึ้น และอาจมี พม่าทาวน์, ลาวทาวน์, กัมพูชาทาวน์, ปัญหาอาจญากรรมจะรุนแรง สถิติการก่ออาชญากรรมจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากชนนั้นที่มีปัญหา  คนจะทำผิดกฎหมายมากขึ้นเนื่องจากไม่รู้กฎหมาย
ประเทศเพื่อนบ้านกับสมาคมอาเซียน
จุดเด่นของประเทศเพื่อนบ้าน
พม่า : สาขาเกษตรและประมง
มาเลเซีย : สาขาผลิตภัณฑ์ยาง และสาขาสิ่งทอ
อินโดนีเซีย : สาขาภาพยนต์และสาขาผลิตภัณฑ์ไม้
ฟิลิปปินส์ : สาขาอิเล็กทรอนิกส์
สิงคโปร์ : สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ และสาขาสุขภาพ
ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านกับประเทศไทยจะมีการขนส่งจากท่าเทียบเรือทางทะเลฝั่งขวาไปยังฝั่งซ้าย เวียดนาม-ไทย-พม่า มีระยะทางติดต่อกันโดยประมาณ 1,300 กม.อยู่ในเขตประเทศไทยถึง 950 กม. ลาว 250 กม. เวียนดนาม 84 กม.
มันจะมีผลที่ดีคือ การขนส่ง logistic ใน AEC จะพัฒนาอีกมาก และจากการที่ไทยอยู่ตรงกลางทำให้เราขายของได้มากขึ้นเพราะเราจะส่งของไปท่าเรือทางฝั่งซ้ายก็ได้ ทางฝั่งขวาก็ได้  ที่ดินในไทยบริเวณดังกล่าวก็น่าจะมีราคาสูงขึ้นและที่พม่ายังมี โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือโครงการ ทวายที่เส้นทางสอดคล้องกับ East West Economic Corridor โดยทวายจะกลายเป็นทางออกสู่ทะเลจุดใหม่ที่สำคัญมากต่ออาเซียน เพราะในอดีตทางออกสู่มหาสมุทรอินเดียจำเป็นต้องใช้ท่าเรือของสิงคโปร์เท่านั้น ขณะเดียวกันโปรเจกต์ทวายนี้ยังเป็นต้นทางรับสินค้าจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียหรือสินค้าที่มาจากฝั่งยุโรปและตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มพลังงานไม่ว่าจะเป็นน้ำมัน ก๊าซ ซึ่งจะถูกนำเข้าและแปรรูปในโรงงานปิโตรเคมีภายในพื้นที่โปรเจกต์ทวาย เพื่อส่งผ่านไทยเข้าไปยังประเทศกลุ่มอินโดจีนเช่น ลาว กัมพูชา และไปสิ้นสุดปลายทางยังท่าเรือดานังประเทศเวียดนาม และจะถูกส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกอย่างญี่ปุ่นและจีน
การเตรียมตัวเป็นครู นักเรียน นักศึกษา เพื่อไปสู่อาเซียน
1.                ควรมีความสนใจและตระหนักถึงผลที่เกิดขึ้น อันเนื่องมาจากการรวมตัวของประเทศต่างๆ สู่ประชาคมอาเซียน ทั้งในด้านประโยชน์ที่ได้รับและข้อควรระวัง
2.                การเกิดขึ้นของประชาคมอาเซียน ในด้านการเรียนรู้จำเป็นต้องปรับทั้งกระบวนการเรียนรู้ ปรับทัศนคติที่จะต้องตระหนักถึงความเป็นชาติ และการดำรงอยู่ของรัฐบาลไทยเพิ่มมากขึ้น
3.                ปรับกระบวนการเรียนรู้  การเรียนรู้ยุคใหม่ควรเป็นไปอย่างมีเป้าหมาย อย่างคนที่รู้เท่าทันสถานการณ์
4.                จำเป็นต้องตระหนักถึงความเป็นชาติ
5.                พัฒนาความเป็นคนมีวินัย  มุ่งเน้นความสามารถในการดำรงชีวิตภายใต้วัฒนธรรมของสังคม
6.                สร้างความสามารถในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ควรพัฒนาตนเองให้แน่ใจว่า สามารถทำงานกับผู้คนต่างวัฒนธรรมได้
7.                เรียนรู้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งในด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมเพื่อให้เกิดความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
8.                สร้างโอกาสในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ  ต้องเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษให้มากขึ้นให้สามารถสื่อสารได้
                   ผู้เขียน
                                    รศ.ดร.พินิติ รตะนานุกูล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)
                                    รศ. ดร. จุฑา เทียนไทย
                                    ดร. จิรวัฒน์  วีรังกร  คณะอนุกรรมการพัฒนานิสิตนักศึกษานอกชั้นเรียน
3.               ผศ.ดร.สมาน ฟูแสง คณบดีคณะครุศาสตร์ ได้พูดถึงครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการ
                ที่ว่า "การที่ครูมีความรู้ความสามารถและแสดงออกให้เห็นว่าเป็นผู้มีสมรรถนะด้านการจัดการเรียนการสอน  เป็นที่ยอมรับของเพื่อนครู นักเรียน(นักศึกษา) และผู้ปกครอง จนทำให้เกิดกระบวนการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วมให้เกิดในองค์กร
                ผู้นำที่ดีจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 4 ด้านคือ
ศรัทธา
ความไว้วางใจ
สร้างแรงบันดาลใจ
ยอมรับในความเป็นปัจเจกบุคคล
และได้พูดถึง "ครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการ" โดยหยิบยกมาจาก Diann De Pasquale ศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ได้เสนอว่า ครูที่จะเป็นผู้นำทางวิชาการ หรือผู้นำทางการเรียนการสอน  ควรมีพฤติกรรม  7 ประการ คือ
หาหนังสือที่ติดอันดับขายที่ดีที่สุดมาอ่าน
อยู่กับปัจจุบัน /ทันสมัย
หาข้อมูล มีความรู้ที่เกี่ยวกับเด็ก
ทำให้เด็กแสดงออกซึ่งการเป็นภาวะผู้นำ
กำหนดให้เด็กทำงานรวมกันเป็นกลุ่ม
เชิญบุคคลภายนอกมาพูดให้เด็กฟัง
ท้าทายให้เด็กได้คิด

จากบทความของ ผศ.ดร.สมาน ฟูแสง คณบดีคณะครุศาสตร์ ได้พูดถึงครูกับภาวะผู้นำทางวิชาการ  จะเห็นได้ว่าครูที่มีความสามารถในการจัดการเรียนการสอนจะเป็นที่ยอมรับของบุคคลที่เกี่ยวข้องในสายงานจนก่อให้เกิดความร่วมมือ
ในการเรียนการสอน   ซึ่งดิฉันคิดว่าครูในปัจจุบันควรจะมีภาวะผู้นำในตนเองเพื่อที่จะสร้างความศรัทธา  ความไว้วางใจ 
สร้างแรงบันดาลใจ  และการยอมรับให้เกิดขึ้นกับตัวครูผู้สอน  และการที่ครูจะมีภาวะผู้นำในการเรียนการสอนได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่มั่นแสวงหาความรู้  เป็นคนที่ทันต่อเหตุการณ์  รู้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็ก  และจัดการเรียนการสอนโดยการให้เด็กร่วมกันทำงานเป็นกลุ่มพร้อมทั้งกระตุ้นให้เด็กเกิดความคิดใหม่ๆ และกล้าที่จะเป็นผู้นำ ตามที่ ผศ.ดร.สมาน ฟูแสงได้พูดไว้ซึ่งบทความนี้เป็นบทความที่ทันสมัยที่ครูยุคใหม่ควรที่จะนำไปปฏิบัติให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม  เช่น  ในการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ครูอาจสอดแทรกเหตุการณ์ปัจจุบันที่ครูได้อ่านหรือได้ฟังมาเข้าไป  โดยการตั้งคำถามทางคณิตศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในปัจจุบันหลายๆ เหตุการณ์  แล้วให้เด็กแบ่งออกเป็นกลุ่มๆ และให้ช่วยกันคิดภายในกลุ่มเมื่อได้คำตอบแล้วก็ให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มออกมาอธิบายแนวทางการคิดหาคำตอบ
การเรียนรู้โดยใช้บล็อก นักศึกษามีวิธีการเรียนรู้อย่างไร
                การเรียนโดยใช้บล็อกตลอดหนึ่งเทอมที่ผ่านมา   เริ่มจากที่ดิฉันได้รับความรู้ในการสร้างบล็อกจากอาจารย์และได้ไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตพร้อมทั้งได้แลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อนๆ  เมื่อได้รับมอบหมายงานจากอาจารย์ผ่านทางบล็อกก็ได้ศึกษาจากเอกสารที่อาจารย์แนบมาให้และศึกษาเพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตแล้วสรุปเป็นความคิดเห็นของตนเองที่บวกกับพื้นฐานความรู้เดิมที่มีอยู่  ซึ่งต่อไปข้างหน้าดิฉันคิดว่าโอกาสในการเรียนรู้โดยใช้บล็อกจะมีมากขึ้นเพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนเราเป็นอย่างมากและการศึกษาไทยก็ได้นำเทคโนโลยีเข้าไปใช้ในการเรียนการสอนและการใช้บล็อกก็เป็นสื่อในการเรียนการสอนเพิ่มขึ้นอีกทางและด้วยสายงานที่จะทำในอนาคตดิฉันคิดว่าการเรียนรู้โดยใช้บล็อกยิ่งมีโอกาสมากขึ้น
4.               ควรที่จะให้คะแนนวิชานี้อย่างไร
                ควรจะได้เกรด A ในการเรียนวิชานี้เพราะดิฉันมีความตั้งใจเป็นอย่างมากเนื่องจากในการเรียนในแต่ละเรื่องจำเป็นต้องอ่านทำความเข้าใจในเนื้อหาสาระเพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างแท้จริงแล้วสรุปเป็นความคิดรวบยอดของตนเอง  ดิฉันเข้าเรียนทุกครั้งไม่เคยขาด  และทำงานส่งตามกำหนดเกือบทุกครั้ง  และในการทำบล็อกแต่ละครั้งดิฉันได้ทำด้วยตนเองแต่เนื่องจากเนื้อหาสาระที่สรุปออกมาอาจจะคล้ายๆ กันเป็นเพราะตัวเนื้อหาที่เหมือนกันทำให้สาระสำคัญของเรื่องอาจคล้ายคลึงกัน   ที่ดิฉันได้ตอบมานั้นเป็นความสัตย์จริง

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันแม่

             หนึ่งคำ "รัก" ลูกรักแม่ แม้ค่าน้อย
ต่างเพชรพลอย ตีราคาค่ามิได้
   แต่แม่จ๋า... "รักที่หนึ่ง" ของหัวใจ
 มิใช่ใคร "ลูก รัก แม่" แน่นิรันดร์

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรที่ 9


จัดชั้นเรียนอย่างไรให้น่าสนใจ
      สภาพห้องเรียนที่ดีที่จะสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้นั้น ควรจะต้องมีความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านแสงสว่าง การระบายอากาศ ความสะอาด ความปลอดภัย ตลอดจนความเหมาะสมกับจำนวนผู้เรียน การจัดสภาพห้องเรียนที่ดีไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่งถาวร แต่ควรมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอตามความเหมาะสมกับวัยของนักเรียน ลักษณะของบทเรียน หรือกิจกรรมที่ครูนำมาใช้ประกอบบทเรียน             
      1. การจัดสภาพห้องเรียนต้องคำนึงถึงลักษระการเรียนการสอน และวิธีการสอน โดยคำนึงถึงวัตถุประสงค์ของการใช้ นอกจากนี้การจัดห้องเรียนต้องคำนึงถึงบรรยากาศที่ต้องการให้เกิดขึ้น ในบางครั้งการจัดห้องเรียนควรจะได้คำนึงถึงความสะดวกและความยืดหยุ่นของการใช้งานด้วย      
      2. โต๊ะ เก้าอี้ ควรเป็นแบบที่เบาไม่เทอะทะ เพื่อสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย หรือปรับปรุง ลักษณะภายในห้องเรียน และการจัดวางจะต้องอยู่ในลักษณะที่เหมาะสม ไม่สร้างปัญหาในระหว่างการเรียนการสอน เช่น การบังกัน เป็นต้น      
      3. เสียง จะต้องให้เกิดการได้ยินอย่างทั่วถึงและถ้าใช้เครื่องขยายเสียงจะต้องคำนึงถึงเสียงสะท้อนด้วย
      4. ไฟฟ้าและสว่าง แสงสว่างภายในห้องเรียน จะได้จากแสงธรรมชาติหรือแสงจากหลอดไฟจะต้องมีความสว่างพอเหมาะ ควรจะได้มีการติดตั้งหลอดไฟในตำแหน่งที่เหมาะกับการใช้งาน ตลอดจนการติดตั้งปลั๊กไฟต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมเพื่อสะดวกต่อการใช้งานและความปลอดภัย     
      5. การระบายอากาศในห้องเรียน จำเป็นต้องมีการถ่ายเทอากาศได้ดี     
      6. การใช้อุปกรณ์โสตทัศนศึกษา จะต้องจัดวางในที่เหมาะสมโดยคำนึงการกำหนดลักษณะการใช้งานและประสิทธิภาพของการใช้งาน 

กิจกรรมที่ 8


ครูมืออาชีพรุ่นใหม่ควรเป็นอย่างไร เพราะเหตุใด
       ครูมืออาชีพรุ่นใหม่ควรมีลักษณะดังนี้ คือ
       1.มีความสนใจเสาะแสวงหาความรู้  กระตือรือร้นที่อยากเรียนรู้และเป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
       2.มีความรอบรู้ด้านปรัชญาการศึกษา  นโยบายทางการศึกษา  กฎหมายการศึกษา  มาตรฐานวิชาชีพครู  มาตรฐานการศึกษา  จิตวิทยาการศึกษาและหลักสูตรการสอนทั่วไป
       3.มีความรอบรู้ความสามารถที่ทันสมัย  ทันเหตุการณ์และทันต่อการเปลี่ยนแปลง  โดยสามารถเชื่อมโยงสภาพท้องถิ่นเข้ากับมาตรฐานสากลในลักษณะสหวิทยาการ
       4.มีความรู้ความสามารถในวิธีการแสวงหาความรู้
       5.รู้จักและเข้าใจพัฒนาการของผู้เรียน
       6.มีความรู้และทักษะในวิชาชีพที่สอนอย่างลุ่มลึก  ชัดเจน  สามารถสอนแล้วผู้เรียนเข้าใจมีความสามารถเรียนรู้ได้และสนุกกับการ  เรียนรู้  สอนและจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเต็ม  ความสามารถ  เต็มเวลา  และเต็มหลักสูตร
       7.มีความสามารถในการสร้างบรรยากาศและสิ่งแวดล้อมการเรียนรู้ที่กระตุ้นความสนใจใฝ่รู้และมีความสุข  สนุกในการเรียนการสอนมีความสามารถในการสังเกตและรู้จักแก้ไขพฤติกรรม  การเสริมแรงและการลงโทษที่เหมาะสม                                       
       8.มีทักษะในการสอนอย่างเชี่ยวชาญและสร้างสรรค์การเรียนรู้จนสามารถพัฒนาผู้เรียนได้เต็มศักยภาพตามความแตกต่างระหว่างบุคคล  โดยปลุกเร้าให้ผู้เรียนแสดงความสามารถอย่างเต็มที่  เน้นการจัดกิจกรรมที่หลากหลายเพื่อสนองผู้เรียนเป็นสำคัญ
       9.มีความรู้และความเข้าใจในเป้าหมายและวิธีการของหลักสูตรและการสอน
       10.มีความสามารถในการออกแบบ  วางแผนการสอนการบริหารจัดการชั้นเรียน  วิจัย
และพัฒนาการสอน  มีความเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางวิชาการที่มีประสิทธิภาพและมีความสามารถวัดผลประเมินผลพัฒนาการของการเรียนรู้ได้หลายวิธีได้อย่างเหมาะสม  สม่ำเสมอ
       11.มีความรัก  ศรัทธาที่จะเป็นครู  มีความเมตตากรุณาและเป็นกัลยาณมิตรของศิษย์
       12.มีจริยธรรม  มีกริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย วางตนอยู่ในศีลธรรมอันดีเปี่ยมด้วยคุณธรรมฝึกหัดปฏิบัติตนยึดมั่นในจรรยาบรรณวิชาชีพครูโดยชี้แนะทางถูกต้องแก้ไขสิ่งผิดและยึดมั่นตามหลักศาสนา
       13.มีบุคลิกภาพดีเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับเด็กและสาธารณชน  ในด้านคุณธรรม  จริยธรรม  ค่านิยม  และการดำรงชีวิต
       14.มีความรับผิดชอบในหน้าที่มุ่งมั่นในการทำงานทำงานเป็นระบบและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
       15.มีความสามารถในการปลูกฝังวินัย คุณธรรมจริยธรรมและค่านิยมที่ดี และถูกต้องต่อผู้เรียน
       16.ความสามารถในการจัดระเบียบเนื้อหาสาระการเรียนรู้  และจัดกิจกรรมกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ  ให้สอดคล้องกับพัฒนาการผู้เรียนและมีความสามารถพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นได้ตรงความต้องการของท้องถิ่น

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมทดสอบกลางภาคเรียน


1. ข้อสรุปที่ได้จากการอ่านบทความ
       การสอนแนะให้รู้คิด เป็นรูปแบบหนึ่งของการจักการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ซึ่งเป็นการจัดการเรียนรู้ที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้และความเชื่อของครูที่เกิดจากการทำความเข้าใจ การคิดการใช้เหตุผลเชิงคณิตศาสตร์ของนักเรียนแล้วนำมาใช้พิจารณาใช้ในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดทักษะในการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และสามารถนำไปประยุกต์ในชีวิตจริงได้ โดยที่ครูผู้สอนจะเป็นเพียงผู้ที่คอยแนะนำ ซึ่งสอดคล้องกับหลักการจัดการศึกษาระดับชาติที่เน้นทักษะการคิดของผู้เรียนเป็นสำคัญ
      การสอนแนะให้รู้คิด (CGI) มีหลักการ ดังนี้                                                                                                                             
1. การจัดการเรียนการสอนต้องอยู่บนพื้นฐานว่าอะไรที่นักเรียนแต่ละคนควรรู้                                                                     
2. การจัดการเรียนการสอนควรพิจารณาว่าจะสามารถพัฒนาแนวคิดทางคณิตศาสตร์ของผู้เรียนได้อย่างไร                
3. ต้องมีกิจกรรมในใจในการเรียนคณิตศาสตร์
         ตอนของการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน CGI                                                                                                                              
ขั้นที่หนึ่ง    ครูนำเสนอปัญหา                                                                                                                                                     
ขั้นที่สอง     ครูช่วยแนะให้นักเรียนมีความเข้าใจในปัญหา และเปิดโอกาสให้นักเรียนแก้ปัญหา                                         
ขั้นที่สาม     นักเรียนรายงานคำตอบและวิธีการแก้ปัญหา หลังจากครูนำเสนอปัญหา และให้เวลานักเรียนแก้ปัญหา                                                                                                                                                                              
ขั้นที่สี่    ครูและนักเรียนช่วยกันอภิปราย หลังจากที่นักเรียนรายงานคำตอบ
บทบาทครูผู้สอนและบรรยากาศ
       ครูควรชี้แนะในขณะผู้เรียนทำกิจกรรม, ครูควรมีความกระตือรือร้น, ครูควรเตรียมสื่อให้พร้อม, ครูควรให้โอกาสในการทำกิจกรรมของนักเรียน, ควรหาปัญหาที่เหมาะสมกับนักเรียนควรจัดให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง,ควรมีการให้นักเรียนทำงานกลุ่มใช้เวลาที่เหมาะสม, ไม่ควรเตรียมการสอนที่ตายตัวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการเวลาที่เหมาะสม
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
       ในการเรียนการสอนจะเน้นกิจกรรมที่สงเสริมทักษะการคิดให้กับนักเรียนและสอนให้เด็กรู้จักการทำงานเป็นทีม โดยนำปัญหาหรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงใจชีวิตประจำวันมาให้เด็กๆได้เรียนรู้และรู้จักแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยตัวเอง และเมื่อนักเรียนแก้ปัญหาได้แล้วก็มาช่วยกันอภิปรายถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและให้เด็กๆลองแก้ปัญหาในทำนองเดียวกันอีกครั้ง
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
1. กำหนดจุดประสงค์ที่จะให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนไว้อย่างชัดเจน
2. นำขั้นตอนทั้ง  4   ขั้นตอนที่สำคัญในกระบวนการจัดการเรียนรู้ของชั้นเรียน  CGI  ที่
สอดคล้องกันดังนี้
           2.1 ครูนำเสนอปัญหา  ควรเลือกปัญหาที่ผู้เรียนเคยพบเจอในชีวิต
           2.2 ครูช่วยแนะให้ผู้เรียนมีความเข้าใจปัญหา  และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแก้ปัญหา  ครูต้องช่วย
แนะนำจนให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจและสามารถแก้ปัญหานั้นได้และต้องให้เวลาผู้เรียนเพื่อทำความเข้าใจปัญหา  ซึ่งครูต้องอำนวยความสะดวกเกี่ยวกับสื่อ  เครื่องมือต่าง ๆ    หรืออุปกรณ์ที่ผู้เรียนต้องการ
           2.3 นักเรียนรายงานคำตอบและวิธีการแก้ปัญหา  และเลือกถามเป็นรายบุคคลถึงวิธีการในการ
แก้ปัญหาพร้อมเหตุผล  เช่น  คุณหาคำตอบได้อย่างไร  ทำไมใช้วิธีการนั้น  เป็นต้น
           2.4 ครูและผู้เรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบและวิธีการที่ใช้  ผู้เรียนทั้งชั้นช่วยกันอภิปรายถึง
คำตอบและวิธีการที่แตกต่างกัน  โดยครูเป็นผู้นำให้เกิดการอภิปรายโดยใช้คำถาม  เช่น  คำตอบสองคำตอบนี้เหมือนหรือต่างกันอย่างไร  ใครมีวิธีการที่แตกต่างจากนี้ไม่  เป็นต้น
1. ข้อสรุปที่ได้จากการอ่านบทความ
          พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็น  ครูของแผ่นดิน  ที่มีวิธีการสอนที่ไม่เหมือนใคร  ไม่ใช่ตำราใดๆ  เพราะว่าสอนจริงในห้องเรียนนั้นๆ  อยู่แล้ว   และใช้วิธีการสอนแบบทำให้ดู  เพื่อให้เกิดแรงจูงใจแก่นักเรียน  นักเรียนคนใดสนก็จะเข้าไปดูไปศึกษา  และจะพยายามอธิบายให้นักเรียนเกิดความเข้าใจ  และจะไม่ใช่คำว่า  เดี๋ยวค่อยทำ  แต่จะให้ลงมือทำเลย      
2.ถ้าท่านเป็นครูผู้สอนท่านจะนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์กับการเรียนการสอนได้อย่างไร
จะใช้วิธีการสอนแบบทำให้นักเรียนดูก่อน  และจะเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน  เพราะลูกศิษย์จะดีได้ก็ต้องมีต้นแบบที่ดี  และต้องเป็นต้นแบบที่คงทนถาวรด้วย
3.ในฐานะที่นักศึกษาจะเป็นครูในอนาคตจะออกแบบการเรียนการสอนที่จะนำแนวคิดนี้ไปใช้ได้อย่างไร
             ทำให้ศิษย์ดู  ให้ศิษย์ทำตาม  ศิษย์เกิดความเข้าใจ  และปฏิบัติเองได้  โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงเป็นฐานในการดำเนินชีวิต  และเป็นคนดีของสังคม

วันอาทิตย์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมที่ 7


โทรทัศน์ครู    
เรื่อง ตาชั่งสมการ
ผศ.พิมพ์พร อสัมภินพงศ์ รร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระดับประถม ศึกษา    
           สมการ คือ ประโยคสัญลักษณ์ที่ใช้เครื่องหมาย = (เท่ากัน) เพื่อแสดงความเท่ากันของจำนวนทั้งสองข้าง โดยแบ่งเป็นสมการที่เป็นจริง และสมการที่เป็นเท็จ ซึ่งครูพิมพ์พร อสัมภินพงศ์ ร.ร.สาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฝ่ายประถม จะนำเข้าสู่บทเรียนเรื่องสมการนี้ โดยการใช้ตาชั่ง 2 แขน นำเอาลูกอม หรือ ช็อคโกแลตที่เม็ดเท่ากันมา 3 สี สีละ 10 ชิ้น ค่อย ๆ ใส่ลูกอมลงตาชั่งทีละข้าง แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน จะสามารถรู้ได้ว่าเมื่อเท่ากันเป็นสมการที่เป็นจริง ถ้าชั่งแล้วตาชั่งเอียงไม่เท่ากันก็จะเป็นสมการที่เป็นเท็จ  
จัดกิจกรรม ด้านสติปัญญา (IQ)
บรรยากาศการจัดห้องเรียน
            บรรยากาศการจัดห้องเรียนมีความเหมาะสมโดยมีโต๊ะของคุณครูตั้งอยู่หน้าห้องเรียนซึ่งสามารถมองเห็นเด็กๆ ได้อย่างทั่วถึงและจัดให้เด็กนั่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อสะดวกต่อการทำงานเป็นกลุ่ม บริเวณห้องมีพื้นที่ว่างพอสมควรไม่คัดแคบจนเกินไป  อากาศถ่ายเทได้สะดวก มีสื่อการเรียนรู้ติดอยู่รอบๆ ห้องเรียน
                               

กิจกรรมที่ 6

                

                    คนเรามีเรื่องราวต่างๆ มากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
                  และเพื่อนก็สร้างเรื่องราวที่ดีๆ ให้กับฉันเช่นกัน 
                  ชีวิตในแต่ละวันได้ผ่านไปทำให้เกิดเป็นเรื่องราว
                  ที่เป็นความทรงจำที่จะอยู่กับฉันตลอดไป